ท่องเที่ยวไทยเปลี่ยนไปแล้ว… ธุรกิจของคุณปรับตัวทันหรือยัง?
ในปี 2568 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคใหม่อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่เพราะโลกฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 อย่างเต็มรูปแบบ แต่เพราะพฤติกรรมนักท่องเที่ยว เทคโนโลยี และมุมมองต่อ "การเดินทาง" ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
สถิติ ‘นักท่องเที่ยวต่างชาติ’ เข้าไทย ม.ค. 2568 สะสม 3.7 ล้านคน
รายงานข่าวจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า จากสถิติ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1-31 ม.ค. 2568 มีจำนวนสะสม 3,709,102 คน เพิ่มขึ้น 22.2% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว
“ภาคการท่องเที่ยวไทยต้องหาจุดขาย เสริมจุดเด่น ต่อยอดในสิ่งที่ควรทำ เพื่อแข่งขันกับนานาประเทศในปีนี้ จึงเป็นที่มาของการประกาศให้ปี 2568 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬา”
ข้อมูลจาก : กรุงเทพธุรกิจ

ข้อมูลจาก : กรุงเทพธุรกิจ
ธุรกิจท่องเที่ยวที่ยังใช้แนวคิดแบบเดิม อาจเริ่มรู้สึกได้ถึงความ "ไม่เวิร์ก" ขณะที่ผู้ประกอบการที่เข้าใจการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย กำลังเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการปรับตัวที่แม่นยำ
บทความนี้จะชวนคุณมาเจาะลึก 5 การเปลี่ยนแปลงหลักของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยปี 2568 ที่คุณไม่ควรมองข้าม
1. จาก “Mass Tourism” สู่ “Meaningful & Sustainable Travel”
นักท่องเที่ยวยุคใหม่ ไม่ได้เลือกจุดหมายเพียงเพราะมัน “ดัง” หรือ “ถ่ายรูปสวย” อีกต่อไป
แต่พวกเขากำลังมองหาการเดินทางที่ มีคุณค่า มีความหมาย และไม่ทำร้ายโลก มากเกินไป
เทรนด์ “ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” และ “สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น” เติบโตขึ้น
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีการจัดการอย่างยั่งยืน ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ
ธุรกิจที่มีแนวทาง ESG ชัดเจนจะได้รับความเชื่อมั่นจากทั้งลูกค้าและพันธมิตร
ธุรกิจควรปรับยังไง:
ลงทุนในแนวคิด Circular Economy, สื่อสารเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม และสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่ากับพื้นที่จริง
2. การจอง–เดินทาง–เช็กอิน ต้อง “ไร้รอยต่อ” และควบคุมได้ด้วยมือถือ
พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนอย่างถาวรหลังยุคโควิด ทุกคนต้องการความรวดเร็ว ปลอดภัย และสะดวกที่สุด
การจองออนไลน์กลายเป็นช่องทางหลัก
Contactless Experience กลายเป็นมาตรฐานใหม่ ไม่ใช่แค่ทางเลือก
นักท่องเที่ยวคาดหวังระบบแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ เช่น การยืนยันตั๋วผ่านแอป, ระบบคิว, หรือแม้แต่ AI ที่แนะนำกิจกรรมตามพฤติกรรม
ธุรกิจควรปรับยังไง:
เชื่อมระบบขาย บริการ และสื่อสารเข้าไว้ด้วยกันผ่านระบบเดียว เช่น Booking Platform, e-Ticket, Line OA พร้อมแชตบอท
3. นักท่องเที่ยวต่างชาติกำลังกลับมา แต่ “ต้องการมากกว่าแค่เที่ยว”
ปี 2568 คือการกลับมาของกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มจีน อินเดีย รัสเซีย และกลุ่มตะวันออกกลาง
แต่การ “กลับมา” ในครั้งนี้ ไม่เหมือนเดิม พวกเขาต้องการ “ประสบการณ์เฉพาะบุคคล” (Personalized Experience) ตลาดใหม่ๆ อย่าง Wellness Tourism, Workation, Medical Tourism เติบโตเร็ว นักท่องเที่ยวกลุ่ม Gen Z และ Millennial ชอบเนื้อหาที่มีเรื่องราว มีความหมาย และมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมท้องถิ่น
ธุรกิจควรปรับยังไง:
นำเสนอแพ็กเกจที่เฉพาะกลุ่ม, ใช้ Big Data ทำการตลาดตรงกลุ่ม และร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศ
4. การจับมือ–แชร์ทรัพยากร–เชื่อมต่อระบบ คือหัวใจของการเติบโต
ในยุคที่ลูกค้าคาดหวังบริการครบวงจร“ความร่วมมือ” กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญ
ที่พัก x ร้านอาหาร x กิจกรรม x ระบบจอง x ระบบชำระเงิน กลายเป็นพาร์ตเนอร์
การขายแบบ Bundled Package ช่วยเพิ่มมูลค่าต่อหัว และลดต้นทุนการตลาด
ระบบ API และ Marketplace เข้ามาเชื่อมธุรกิจเข้าด้วยกันได้รวดเร็วกว่าเดิม
ธุรกิจควรปรับยังไง:
หาโอกาสจับมือกับธุรกิจเสริมรอบตัว และลงทุนในระบบที่เปิดกว้างต่อการเชื่อมต่อข้อมูล
5. ทุกการคลิก การจอง หรือการรีวิว คือข้อมูลที่บอกพฤติกรรมลูกค้า
การเก็บ–วิเคราะห์–ใช้ข้อมูล คืออาวุธลับของธุรกิจยุคนี้
ใช้ Data เพื่อทำโปรโมชันเฉพาะกลุ่ม
ใช้ Heatmap วิเคราะห์เส้นทางยอดนิยม
ใช้ข้อมูลเพื่อวางแผนกระจายนักท่องเที่ยวไม่ให้แออัด
ธุรกิจควรปรับยังไง:
เริ่มต้นเก็บข้อมูลอย่างมีระบบ (ไม่ต้องใหญ่ แต่ชัดเจน) และเลือกเครื่องมือวิเคราะห์ที่เหมาะสม เช่น CRM หรือ Google Analytics
🔚 บทสรุป: ท่องเที่ยวไทยปี 2568 ต้อง “เข้าใจคน–ใช้เทคโนโลยี–สร้างประสบการณ์ที่แท้จริง” อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยกำลังเข้าสู่ “ยุคใหม่อย่างแท้จริง” ธุรกิจที่รอดและรุ่งในปีนี้ ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เพราะ “เข้าใจโลก เข้าใจคน และพร้อมเปลี่ยนตาม”